วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

รักเอย (black butler Ciel X Alois) EP1



  รักเอย : 18+ Romantic &Drama &พีเรียด


ณ ปีพ.ศ๒๓๕๐ เวลาที่กรุงรัตนโกสินท์ยังมีกทาสอยู่ และแน่นอนทาสทั้งหลายต้องการอิสระ ได้รับความเป็นไท มิต้องโดนโขกสับเช่นนนี้ แต่ถ้าทาสผู้นั้นเป็นทาสสิ่นไถ่ ที่คนตนรักมาไถ่ตัวให้เจ้าขุนมูลนายหรือพวกรับราชกาลต่างๆ บ้างก็ให้มารับบ้างก็ให้มาเป็นเมียบ่าว เฉกเช่นเดียวกับสตรีนางนี้



อลัวส์ ทรานซี่ หญิงสาวผมทองประบ่า ผิวขาวนวลละอองอ่อนริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ สีชมพูระเรื่อ อกนูนอิ่มแต่ไม่ใหญ่เกินไปสมเป็นสาววัย๑๔ย่างเข้า ๑๕ เอวบางร่างน้อยดวงตาสีฟ้าราวอัญมณีสวยงาม งามเปรียบได้ดั่งไพลินแต่มันกลับต้องหมองลงเพราะน้ำตาไหลท่วมอาบแก้ม 



"ไม่ข้าไม่ไป ข้าไม่ไปเป็นนางบำเรอให้คุณหลวงอะไรนั่นเด็ดขาด ข้ารักไอ้ครอทส์ พ่ออย่ามาบังคับข้า!!!"


"ไปเป็นเมียคุณหลวงดีกว่าเป็นเมียไอ้ทาสขั้นต่ำนั้นเป็นไหนๆใยเอ็งถึงดื้อด้านเช่นนี้!!"


"พ่อก็เห็นมิใช่รึ ว่าลูก้าต้องไปเป็นเมียน้อยท่านขุน แล้วเป็นเยี่ยงไร นางต้องมาน้ำตาเช็ดหัวเข่า แล้วยังคิดสั้นฆ่าตัวตายไปอีก พ่ออยากเห็นข้าเป็นเช่นนั้นรึ"


"มันอยากคิดสั้นเอง !!! เจ้าจะไปล่ำลาไอ้โสโครกนั่นเอง หรือจะให้ข้าลากตัวเอ็งไปเลย เลือก!!!"


สิ้นเสียงอลัวส์จึงต้องจำใจทำตามผู้เป็นพ่อ ต้องเปลี่ยนฐานะจากไพร่เป็นทาส ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อติดหนี้คุณหลวงมหาศาล นางก็คงมิเป็นเช่นนี้ น้องสาวก็ถูกส่งไปตั้งแต่อายุ ๑๓ ร่างกายก็ยังไม่พร้อม 


อลัวส์พายเรือไปถึงท่าน้ำที่เรือนคุณหลวงที่เป็นนายของครอทส์ชายหนุ่มที่เธอรักยิ่ง

ครอทส์เป็นบุรุษร่างสูง กล้ามมัดบึกบึนสมเป็นชายชาตรี มีดวงตาสีเหลีองอำพัน 

"ไอ้ครอทส์ ฮึกๆข้า... " 

ร่างเล็กสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาจนชายหนุ่มที่กำลังตัดฟืนอยู่ต้องรีบเข้ามาปลอบ มือหยาบจับมือเรียวไว้ แล้วโอบกอดร่างเล็กนั้นอย่างทะนุทะหนอม ถึงหน้าของครอทส์จะดูไร้อารมณ์ แต่การกระทำของเขาก็สามารถบอกได้ทุกอย่าง 

"ไม่เป็นไร ข้าอยู่นี่แล้ว ไหนคนสวยของบ่าวไหนขอยิ้มสักหน่อยให้บ่าวชื่นใจได้รึไม่"

ครอทส์พูดปลอบใจพร้อมกับส่งยิ้มเล็กๆให้หญิงสาวตรงหน้า 

ร่างเล็กยิ้มออกมาได้บ้างแต่ก็ต้องบอกกับครอทส์ให้ได้ "ครอทส์ข้ากำลังจะเป็นทาส ทาสสินไถ่ชายคาเรือนเดียวกับเอ็ง ฮึกๆ"


"นี่พ่อของเอ็งจะทำเช่นนั้นจริงๆรึ แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะปกป้องเอ็งมิให้โดนคุณหลวงนำไปเป็นเมียเด็ดขาด"


"อ้าวล่ำลาการเป็นคนรักกันเสร็จก็พอแล้ว ไปๆอีอลัวส์ไปรายงานคุณหลวงเรื่องเจ้ากันได้แล้ว"

การล่ำลาต้องสิ้นสุดด้วยเสียงผู้เป็นบิดาของอลัวส์ 

"ไม่ข้าจะไม่ยอมให้ใครเอาอลัวส์ของข้าไปเด็ดขาด!!!"


"แล้วถ้าเป็นกูหล่ะ ไอ้ครอทส์ !!!" เสียงจากขายหนุ่มแก่ๆในชุดราชประแตนสีขาวและโจงกระเบนสีน้ำเงินเอ่ยขึ้นขัดคอครอทส์ใช่เขาคือชายแก่ผู้เป็นเจ้าของเรือน "คุณหลวงอาร์โนล"


ที่เดินตามมาคือลูกชายในยศท่านขุนที่อายุเพียง๑๔ย่าง๑๕ก็ได้รับยศตำแหน่งแล้ว แต่พึ่งผ่านการรบกับพม่ารามันมาและได้รับพระราชทานที่ดินเพิ่มและหน้าตาให้กับครอบครัวได้แล้วจึงได้โอกาสพักยาวๆ เขาเป็นบุรุษร่างเล็กแต่ก็แอบมีมัดกล้ามเล็กน้อย และที่ชนะพวกพม่ามาได้ก็เป็นเพราะมันสมองมากกว่ากำลัง เขามีดวงตาสีม่วงหนึ่งข้างดุจเขี้ยวหนุมาน และอีกข้างก็เป็นสีไพลินเช่นเดียวกับอลัวส์ ทรงผมปิดหน้า เรือนผมสีเทาปนน้ำเงิน นามของบุรุษผู้งดงามจนสาวๆทั่งกรุงต้องสยบ นั้นคือ 

"ชิเอล"

"บ่าวขอร้องเถิดขอรับ โปรดเห็นเห็นแก่ความรักของเราทั้งสองด้วย" 


"เซบาสเตียน จับมันไปเฆี่ยนเสีย!!"


"อิฉัน ขอร้องเจ้าคะ อย่าเฆี่ยนไอ้ครอทส์เลย!!" ร่างเล็กก้มลงไปคุกเข่า น้ำตาไหลเป็นสายอาบแก้ม กราบอ้อนวอนขอความเมตตา


ทาสหนุ่มร่างสูงใหญ่คล้ายกับครอทส์แต่มีตาสีทับทิม นามว่าเซบาสเตียนเดินมาพร้อมกับหวายก้านใหญ่ 


ร่างเล็กถูกพันธนาการไว้ด้วยนางทาสทั้งหลายในเรือน 


ฟึ่บ!!!


เสียงหวายกระทบกับผิวหนังของครอทส์จนเลือดซึบ แต่เจ้าตัวกลับนั่งนิ่งรับความผิดแทนที่จะยอมให้หญิงที่รักยิ่งโดนกระทำชำเรา หวายถูกฟาดซ้ำลงไปหลายครั้ง และเสียงขอร้องของอลัวส์ที่ดิ้นอยู่ในมือทาสหลายคนที่พยายามจับนางไว้ 


"ข้าร้อง!!!!!!!!ฮึกๆ ๆ เสียงสะอื้นปนกับเสียงร้องขอของอลัวส์ดังไปทั่ว อิฉันขอร้องหล่ะเจ้าคะ อิฉันยอมทุกอย่างแล้วฮึกๆ " 


อลัวส์ก้มลงไปกราบกับพื้นหญ้า ขอร้องอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตของชายที่รักไว้ 

.
.
.
.
.
.
.
"เงยหน้าขึ้น"

น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นทำให้ร่างเล็กที่ก้มลงกราบอยู่ทำตามคำสั่ง มือเรียวของชิเอลจับคางของอลัวส์ไว้ 


"เจ้าบอกเจ้ายอมทำทุกอย่างงั้นรึ"


"เจ้าค่ะ!"


สิ้นสุดคำพูด ริมฝีปากของอลัวส์ก็ถูกครอบครองโดยชิเอล ลิ้นร้อนโลมเลียตวัดกับลิ้นเล็กข้างในโพรงปาก เพื่อรับรถจูบอันแสนเร่าร้อน ริมฝีปากหนาบดจูบหนักลงบนริมฝีปากน้อยๆจนเริ่มบวม และค่อยๆถอนจูบออกอย่างช้าๆ จนร่างบางต้องหอบตัวโยน


"ชิเอล!!"


"ท่านชิเอล!!"


"ท่านขุน!!"


เสียงของคนที่อยู่ในเหตุการณ์และกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และในใจทาสทั้งหลายที่เห็นก็คิดว่า ท่านขุนชิเอลนี่!!กระทำลงไปได้มิอายฟ้าอายดิน แถมนังนี่ยังเป็นทาสอีก 


"ท่านพ่อขอรับ ถ้าลูกอยากจะขอนางผู้นี้มาเป็นเมียบ่าวสลับคืนกับท่านจักได้รึไม่ขอรับ"


"หึ มิต้องดอก พ่อยกให้เอ็ง "


"ขอบพระคุณเป็นอย่างมากขอรับ"


"อ้าวนางอิ่มมาเอาเมียคนใหม่ของลูกข้าไปขัดสีฉวีวันสิ"


"จะ เจ้าค่ะ"


ยายอิ่มหัวหน้าทาสต้องรับหน้าที่มาขัดประทินผิวให้กับนางเมียบ่าวคนใหม่ของคุณชิเอล ออกอาการตกใจยังไม่หายกับการกระทำของคุณชิเอลเมื่อครู่


เมื่อข้อตกลงสำเร็จคุณหลวงและชิเอลก็เดินขึ้นเรือนไปพร้อมกับเซบาสเตียนทาสประจำตัวของชิเอล 


"งั้นข้าก็กลับแล้ว โชคดีล่ะ อ้อนนายเยอะหน่อยล่ะ เพื่อท่านอาจจะยกระดับตัวเจ้าขึ้นได้"


พูดจบผู้เป็นบิดาของอลัวส์ก็เดินจากไปจากเรือน


"ไอ้ครอทส์เจ็บมากมั้ยจ๊ะ ข้าขอโทษนะจ๊ะที่ทำให้ไอ้ครอทส์ต้องเจ็บแบบนี้ ฮึกๆ"


"ข้าสิที่ต้องขอโทษ ที่ข้าปกป้องอันใดเจ้ามิได้เลย" น้ำตาของบุรุษที่ไม่ควรให้ใครเห็นบัดนี้ได้ไหลออกมาให้สตรีผู้รักยิ่ง 


"เอ็งไม่ผิดดอก"


"อ้าวๆอย่ามัวแต่ปลอบเลย ข้าว่าเอ็งไปทำแผลให้ไอ้ครอทส์ก่อนดีมั้ย"ยายอิ่มพูดเพื่อตัดบท


"จ้ะ ขอบใจมากนะจ๊ะ "


ร่างบางหลังจากทำแผลให้ครอทส์เสร็จก็ถูกจับขัดศรีฉวีวันด้วยนางทาสมากมาย


"แหม ผิวเอ็งเนี่ยนะไม่เหมือนคนทำงานหนักเพื่อใช้หนี้เลย เล็บก็ไม่แตกรายงา ข้อศอกกับหัวเข่าก็ไม่ค่อยด้าน ก็มีแต่ไอ้แผลตามตัวนี่แหละ "


"ใช่ๆนังนวล ขนาดข้าว่าข้าอู้แล้ว ข้ายังผิวไม่งามเท่านี้"


หลังจากขัดผิวอาบน้ำเสร็จ หล่าทาสก็เอากระโจมอกสีเหลือง กับโจงกระเบนลายทางสีเขียวแตงอ่อนมาให้ใส่ ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว จึงนำผ้าแพรสีม่วงมาคลุมเพื่อกันหนาวให้แก่อลัวส์ 





"แหมเจ้าลูกชายหนิ เหมือนพ่อมันมิมีผิด ต้องให้ได้อย่างนี้สิ"


"ข้าก้มิขนาดนั้นดอกท่านพ่อ"


เสียงพุดคุยหัวเราะสนุกปากของพ่อลูก ทั้งสองพูดคุยไปพลางจิบสุราไป กันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้รู้เลยว่าน้ำตาของหญิงสาวที่กำลังจะถูกใส่พานถวายตนได้ไหลอย่างไม่มีวี่แววจะหยุด ชายหนุ่มร่างใหญ่นัยตาสีอำพันเดินมาพร้อมกับขลุ่ยไม้มานั่งข้างหญิงสาวที่นั่งร้องไห้รอเวลาที่ต้องขึ้นไปที่เรือนใหญ่เพื่อทำในสิ่งที่ท่านขุนสั่ง 


"รบกวนแม่อลัวส์ช่วยขับร้องเพลงให้แก่เสียงขลุ่ยอันต่ำต้อยของข้าได้รึไม่"


"มิต้องเรียกข้าเช่นนั้นก็ได้ ความจริงเอ็งเสียงเพราะกว่าข้าเป็นไหนๆให้ข้าเป่าให้เจ้ามิดีกว่ารึ"


น้ำตาจากดวงตาสีไพลินค่อยๆจางไป และหยิบขลุ่ยในมือชายหนุ่มขึ้นมา


"ก็จริง เอ็งก็เป่าเพราะกว่าข้า งั้นข้าขอเพลงน้ำตาแสงไต้จักได้รึไม่"


"อื้ม ได้ " 


เสียงขลุ่ยเริ่มบรรเลงพร้อมๆกับเสียงหวานปนเศร้าของชายหนุ่ม


  



   นวล เจ้าพี่เอย 


คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ


ถ้อยคำเหมือนจะชวน 


ใจพี่หวนครวญคร่ำอาลัย




น้ำตาอาบแก้ม 


เพียงแซมด้วยเพชรไสว


แวววับจับหัวใจ 


เคล้าแสงไต้ งามจับตา




  นวลแสงเพชร 


เกล็ดแก้วอันล้ำค่า


คราเมื่อแสงไฟส่องมา 


แวววาวชวนชื่นชม




น้ำตาแสงไต้ 


ดื่มใจพี่ร้าวระบม


ไม่อยากพรากขวัญภิรมย์ 


จำใจข่มใจ ไปจากนวล




น้ำตาแสงไต้ 


ดื่มใจพี่ร้าวระบม


ไม่อยากพรากขวัญภิรมย์ 


จำใจข่มใจ ไปจากนวล





นวล เจ้าพี่เอย 


นวล เจ้าพี่เอย 






















น้ำตาของหญิงสาวไหลอีกครั้ง ขลุ่ยถูกถอนออกจากปาก ความอาลัยอาวรของหนุ่มสาวที่ตอนนี้กอดกันแน่นด้วยความรักถูกมองมาโดยชายร่างเล็กจากหน้าต่างบนเรือน 


"หึ นังแพศยา อย่าคิดว่าข้าจะหลงสเน่ห์เอ็ง นี่คงยั่วไอ้ครอทส์จนมันหลงซะขนาดนี้หล่ะสิ ไหนจะคุณพ่ออีก ต่ำ!!"


"แต่คุณชิเอลก็จูบนางต่อหน้าบ่าวทั้งเรือนหนิขอรับ นางเองก็สวยมิใช่เล่น ผิวก็ขาวผ่องเป็นยองใยเยี่ยงมะลิซ้อน ริมฝีปากอวบอิ่มสวย ไหนจะดวงตาสีไพลินและร่างกายอันเย้ายวนนั่นอีกไม่ชอบรึขอรับ"


"แต่ข้ามิได้ชอบ หุบปากของเอ็งไปเสีย ไอ้เซบาสเตียน"


"ถ้าจักให้บ่าวเปรียบเทียบก็คงเปรียบได้ดั่ง...

                                              ดูผิวสินวลละอองอ่อน                            มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น
                                สองเนตรงามกว่ามฤคิน                                          นางนี้เป็นปิ่นโลกา
                                                งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน                           งามกรดังลายเลขา
                                งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า                                            งามยิ่งบุปผาเบ่งบาน
                                                ควรฤๅมานุ่งคากรอง                                ควรแต่เครื่องทองไพศาล
                                ควรแต่เป็นยอดนงคราญ                                         คู่ผู้ผ่านแผ่นไผท

เห็นด้วยรึไม่ขอรับ"

"ข้าว่าอย่างนางคงเป็นแค่นางกากี


                                          ชื่อกากีศรีวิลาสดั่งดวงจันทร์           เนื้อนั้นหอมฟุ้งจรุงใจ

                                เสมอเหมือนกลิ่นทิพมณฑาทอง     ผู้ไดต้องสัมผัสพิสมัย


                                กลิ่นกายติดตัวผู้นั้นไป                    ก็นับได้ถึงเจ็ดวันทิวาวาร



หึ นางกากีหรือที่เปรียบกันง่ายๆว่า นางร้อยผัว"


เซบาสเตียนหน้าเงียบไปกับคำพูดของนายตนเอง 
ไม่คิดว่าเหยียดหญิงเช่นนี้จะออกมาจากปากนายของตน

"เดี๊ยวเอ็งไปบอกนางอิ่มว่าให้พานางขึ้นมาได้แล้ว"

"ขอรับ"

เซบาเตียนเดินออกจากห้องนอนของนายและเดินตรงไปที่ยายอิ่มที่เฝ้ามองการล่ำลาอันแสนเศร้าของหนุ่มสาวตรง
ศาลาใกล้ท่าเรือ


"ยายอิ่มจ๊ะ คุณชิเอลเรียกตัวนางแล้วจ้ะ"



"จะว่าไปสองคนนี้ก็น่าสงสารมิใช่น้อย 


เอ็งคิดเหมือนข้าไหม"





"จ้ะ แต่คุณชิเอลเนี่ยนะเหยียดหยาม
ได้น่ากลัวจริงๆ"

"เอ็งไม่รู้ซะแล้วว่าคุณหญิงท่านแม่ของคุณชิเอลน้อยใจที่คุณหลวงมีนางน้อยๆ จนฆ่าตัวตาย ก็ไม่แปลกที่คุณชิเอลจะเกลียดนางพวกนี้"


"จ้ะ งั้นฉันขึ้นไปรายงานคุณชิเอลก่อนนะจ๊ะว่าอลัวส์กำลังจะขึ้นไปแล้ว"


"ได้ งั้นข้าไปตามพวกมันแล้ว เดี๋ยวข้าไปตามให้ไม่ต้องห่วง"


พูดจบหญิงชราก็เดินเข้ามาหาชายหญิงที่กำลังร้องให้และพูดคุยกันอยู่



"ได้เวลาแล้ว อลัวส์เอ็งก็ทำตัวดีๆหล่ะ อย่าไปทำให้ท่านชิเอลไม่พอใจ"


"จะ...จ้ะ"


สายตาอาลัยอาวารถูกส่งผ่านกันระหว่างคนรักทั้งสอง และยิ่งทำให้บุรุษที่แอบมองอยู่ออกอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก


"คุณชิเอลขอรับ นางมาแล้วนะขอรับ"


"เออข้ารู้แล้ว เอ็งจะไปไหนก็ไป!!!"


"ขอรับ"


เซบาสเตียนเดินออกมาจากห้องนอนของคุณชิเอลแล้วเผอิญเดินสวนกันกับร่างบางพอดี


"อ้าว คุณหลวงรออยู่ในห้องหน่ะ เอ็งรีบไปเถิด ข้าเห็นท่านยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่"


"จ้ะ ข้าจักรีบไป"


"ดีแล้ว"


ร่างบางค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาอย่างลังเลเมื่อเดินเข้ามาถึงในห้องก็นั่งลงพับเพียบกับพื้น ความงามนั้นเมื่อเห็นจากระยะใกล้ก็ทำเอาหัวหัวใจของบุรุษที่ยืนอยู่สี่นไหวมิใช่น้อย ยิ่งน้ำตาที่ติดอยู่ที่ปลายขนตาเปรียบเหมือนเพชรล้ำค่า ยิ่งอยากเข้าไปปลอบ ชิเอลดึงสติตัวเองที่หลุดไปให้กลับมาอีกครั้ง 


"เข้ามาใกล้ๆข้าซิ"


ร่างบางขยับเข้ามาใกล้ๆบุรุษตรงหน้า ตัวสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดกลัวที่ตอนนี้ไหลลงมาอีกครั้ง

.
.
.
.
.
มือเรียวลงมาปาดน้ำตาที่แก้มชมพูระเรื่อ อลัวส์แปลกใจกับการกระทำของชายหนุ่มเล็กน้อย 

"หยุดร้องซะ ข้าเสียอารมณ์หมด"


"จะ...เจ้าค่ะ"


"ต่อไปนี้จงเรียกแทนตัวเองว่าบ่าวซะ"


"เจ้าค่ะ"



มือเรียวสำผัสกับคางของหญิงสาวอีกครั้ง เขาจูบหญิงสาวอย่างแผ่วเบาและทะนุทะนอมต่างจากเมื่อครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง จนหญิงสาวเผลอเคลิ้มไปกับจูบนั้น แต่...


กึก !!


เลือดสีแดงสดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว จนหญิงสาวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด


"หึ เอ็งนี่ช่างยั่วซะจริง"


ร่างบางถูกจับลุกขึ้นและอยู่ในอ้อมกอดของชิเอล


"ทำไมเจ้าคะ!! ทำไมต้องทำกับบ่าวเช่นนี้ บ่าวทำอะไรผิดเจ้าคะ ทำไมคุณชิเอลต้องจงเกลียดจงชังบ่าวนัก"


"ทำไมหน่ะหรอ ก็นังผู้หญิงชั้นต่ำแบบเอ็งทำให้แม่ของข้าต้องมาจากไปแบบนี้!!" เสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนน้ำเสียงที่เคยเหยียดหยามมาเป็นตะคอกใส่สตรีตรงหน้า 


"แต่บ่าวก็เป็นคน มีชีวิต มีจิตใจเหมือนกัน ฮึกๆ"


"งั้นรึ นังแพศยา"


ร่างบางถูกโยนลงกับฟูกบนเตียงกว้าง โดยมีชายหนุ่มร่างเล็กขึ้นคร่อม กระโจมอกสีเหลืองบัดนี้โดนกระชากออกจนลงไปกองกับพื้น จมูกโด่งเป็นสันสูดกลิ่มหอมดอกซ่อนกลิ่นที่ลำคอระหงส์ของอลัวส์ และขบกับบนหัวไหล่มน


"หึ ซ่อนกลิ่นเหมาะกับเองดีหนิ"


"บ่าวขอร้อง ปล่อยบ่าวไปเถอะเจ้าค่ะ"



ชิเอลไม่ได้ฟังคำอ้อนวอนจากร่างบางใต้ร่างแต่อย่างใด มือเรียวเลื่อนจากหัวไหล่มนไปที่หน้าอกอิ่มของหญิงสาว มือเรียวออกแรงขยำอย่างไม่ปราณี ปากหนาบดจูบอันเร่าร้อนลงบนปากบางอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคุ้งจากปากทั้งคู่ มือหยาบจากการจับดาบเลื่อนลงมาที่โจงกระเบนสีเขียวแตงอ่อนและกระชากมันออกมาไปกองบนพื้นเข่นเดียวกับกระโจมอก ชาชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อนอนสีฟ้าอ่อนของตนออก เผยให้เห็นมัดกล้ามที่ซ่อนอยู่เล็กๆ มือหยาบเลื่อนมาจับที่ต้นขาขาวจนเกิดเป็นรอยจ้ำแดง กากางเกงนอนสีเดียวกับเสื้อของชายหนุ่มก็ลงไปกองกับพื้นเฉกเช่นอาภรณ์ของหญิงสาว ท่อนเนื้อร้อนที่แข็งตัวได้ที่ถูกอัดเข้าไปที่กายสาวอย่างเอาแต่ใจ 


"ขะ..ขอ...ขอร้อง บ่าว ฮึก เจ็บเจ้าค่ะ"


ฉึก!!


พรหมจรรย์ที่แม้แต่ชายที่รักยังไม่เคยสำผัสบัดนี้ได้ขาดสะบั้น น้ำตาของหญิงสาวไหลลงอาบแก้มกับความเจ็บปวด


ปึก!ปึก!ปึก!ปึก!ปึก!ปึก!


เสียงเนื้อกระทบกันอย่างหยาบโลน ดังระงมไปทั่วปนกับเสียงครางหวานจากทั้งคู่


"อะ! อ๊ะ บะ! บ่าว เจ็บ จะ! เจ้าค่ะ"


ไม่นานน้ำรักสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งเข้ามาทะลักพราวไปทั่วเรียวขาสวย ร่างเล็กสลบไปกับครั้งแรกที่ไม่คุ้นชิน 


"หึ แม่นี่ตอนหลับก็สวยใช่ย่อย"


ชิเอลดึงสติตนเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะพูดย้ำกับตนเองว่า "ไม่ นังนี่เป็นนางชั้นต่ำ แต่...นางยังบริสุทธิ์" ชายหนุ่มแอบรู้สึกผิดเล็กๆที่เข้าใจผิดนางแต่เขาก็ยังเกลียด เกลียดนางพวกนี้ที่สุด

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"อ้าวอย่ามัวแต่หน้าหงอยสิไอ้ครอทส์!"

"เซบาสเตียน เอ็งมาทำอะไรที่นี่หล่ะ"


"ข้ามาขอโทษเอ็ง ที่....ข้าเฆี่ยนเอ็งเมื่อตอนนั้น..."


"ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเป็นหน้าที่เจ้า"


"เอ้า น้ำตาลปึกข้าเห็นเอ็งชอบเลยเอามาให้"


ชายหนุ่มแววตาสีทับทิมยื่นน้ำตาลปึกให้คนที่นั่งข้างๆ ทั้งคู่นั่งกินน้ำตาลปึก อย่างมีความสุข รอยยิ้มของครอทส์ก็มีขึ้นมาบ้าง


"อ้าวนี่เอ็งเป่าขลุ่ยอยู่รึ ดีเลยเป่าให้ข้าฟังหน่อยสิ"


"เพลงอะไรหล่ะ" ครอทส์จับขลุ่ยขึ้นมาเตรียมเป่า


"แล้วแต่เอ็งเลย"


"ได้" 


*เพลงที่ครอทส์เป่า 


   โอ้ละน้อ ดวงเดือนเอย 

พี่มาเว่ารักเจ้าสาว คำดวง 
โอ้ว่าดึกแล้วหนอ พี่ขอลาล่วง
อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย

 ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม

พี่นี้รักเจ้าหนอ ขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียม โอ้เจ้าดวงเดือนเอย
จะหาไหนมาเทียม โอ้เจ้าดวงเดือนเอย

หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ 

หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย
หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ 
หแมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย

หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย 

เนื้อหามทรามเชยเอ๋ยเรา ละหนอ
เนื้อทรามเชยเอ๋ยเรา ละหนอ



















"ฝีมือยังดีเหมือนเคย"


"ขอบใจ"


....................................................

เรื่องนี้มิได้มีเจตนาจะเลียนแบบเรื่องนางไททันของขุ่นแม่บลัดฮานะแต่อย่างใด อิชุ้นได้แรงบันดาลใจอันแกร่งกล้ามากท่าน ถ้าท่านอ่านข้าคงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

ปอลอลิง

1.บทชมโฉมในเรื่องเป็นแค่เพียงเอามาประกอบเพื่อความบันเทิงและ "อรรถรส"
เนื่องจากบทแรกมาจากเรื่อง ศกุลตลา ซึ่งถูกแต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 และบทที่สอง มาจากเรื่องกากี ซึ่งเรื่องทั้งสองนี้เกิดหลังจากเวลาในฟิค แต่เพื่อ อรรถรส จึงใช้กับฟิคนี้เพราะฉะนั้นไม่ซีเรียสเนอะ
2.เช่นเดียวกับข้อแรก เพลงก็เช่นกัน 
3.ที่แต่งเรื่องนี้อีกส่วนก็มาจากเรือนร้อยรักนะจ๊ะ4.อลัวส์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด เดี๋ยวนางจะแสดงออกมาเรื่อยๆ ใครว่านางเอกพีเรียตจะร้ายไม่ได้ เดี๋ยวอลัวส์จัดให้
5.เขี้ยวหนุมานหรืออะเมทิส เป็นอัญมณีสีม่วง
6.ซ่อนกลิ่นจริงๆแล้วเป็นดอกไม่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะความเชื่อโบราณที่ว่า ดอกซ่อนกลิ่นคือดอกซ่อนชู้ 
HOPE YOU ENJOY

1 ความคิดเห็น:

  1. รอ...ฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด
    มาต่อเร็ววววค้าง

    ตอบลบ